ลดน้ำหนักแค่ไหน ก็ไม่โยโย่ เอฟเฟค
เกิดความเครียดสำหรับหลายๆคนที่กำลังมองหาวิธีลดน้ำหนัก แต่อ่านดูแล้ว ศึกษาดูแล้วมันก็ยังไม่เวิร์ค ไม่โอเครเท่าไหร่ จากที่ดูหลายๆเคสแล้วคนที่ลดความอ้วนลดน้ำหนักส่วนใหญ่ยังกังวลว่า หากเราลดถึงจุดที่ต้องการแล้ว ซักพักมันจะกลับมาโยโย่เพิ่มน้ำหนักให้เรามากกว่าเรา วันนี้ fat108.com เลยนำวิธีการลดน้ำหนักแบบถูกต้อง ที่เวิร์ค ที่โอเคร น้ำหนักลงจริง แถมไม่โยโย่อีกด้วยมาให้ได้ทำตามกัน
ปัญหาที่เกิดจากยาลดความอ้วน
สำหรับโพสนี้เราจะไม่พึงยาลดความอ้วนนะค่ะ ขอบอกไว้ก่อน เพราะยาลดความอ้วนนั้นหากเราทานเข้าไปร่างกายจะเคยชินกับยาลดความอ้วนที่เข้ามาสั่งงาน ร่างกายจะไม่เผาผลาญอาหารที่เราทานเข้าไป เมื่อวันหนึ่งเราเลิกใช้ยาลดความอ้วน น้ำหนักเราก็จะพุ่งกระฉูดขึ้นมาเหมือนเดิม อยากจะโยโย่มากกว่าน้ำหนักเดิมซะด้วยซ้ำ ฉะนั้นยาพึ่งยาลดความอ้วนเลยจะดีกว่าค่ะ
- เกิดโรคแทรกซ้อน โรคเรื้อรัง เช่น โรคไขมันในเลือด ระบบการไหลเวียนของโลหิตผิดปกติ โรคเบาหวาน โรคหลอกเลือกแข็ง โรคความดัน โรคคอเลสเตอรอลสูง โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ เป็นต้น ถือว่ากินยาลดความอ้วนครั้งเดียว ได้โรคต่างๆมาเพียบเลย จะดีใจหรือเสียใจดีเนี้ย….
- โทษจากยาลดความอ้วน เป็นการกระตุ้นการเต้นของหัวใจทำให้งานมากกว่าปกติ ระบบร่างกายแปรปรวน ทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆได้ไม่เต็มที่ บางครั้งเป็นสาเหตุให้คนที่ทานยาลดน้ำหนักถึงขั้นเสียชีวิตเลยทีเดียวเพราะเลือดไปหล่อเลี้ยงไม่ทัน
- เพิ่มความดันในกระแสโลหิต เมื่อยาลดความอ้วนเป็นตัวสั่งการร่างกายของเรา ระบบความดันในกระแสโลหิตก็ทำงานผิดปกติ เลือดเข้าไปสูบฉีดไม่เพียงพอต่อการใช้งานของร่างกาย ร่างกายขาดสารอาหาร ขาดพลังงาน ทำให้สุขภาพเราย่ำแย่ลง ความดันโลหิตต่ำ จึงทำให้เกิดอาการหน้ามืดตามั่ว เป็นลมได้ง่าย
- อาการท้องผูก การที่ยาลดความอ้วนเป็นตัวควบคุมร่างกายของเรา สั่งงานให้อดอาหาร ไม่ให้อยากอาหาร ควบคุมระบบขับถ่าย ทำให้ร่างกายของเราไม่ได้รับสารอาหารหรือแร่ธาตุต่างๆที่จำเป็นต่อร่างกาย ร่างกายของเราจึงไม่สามารถขับถ่ายของเสียได้เอง เกิดอาการท้องผูก ถ่ายยาก ปวดท้อง เกิดภาวะความเครียด ร่างกายเราก็แย่ อะไรๆก็แย่
- นอนไม่หลับ ยาลดความอ้วนจะเข้าไปกดประสาทส่วนกลางของเรา สั่งการให้อดอาหาร ทำให้เรารู้สึกผิวแห้ง คอแห้ง ปากแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ นอนไม่หลับ หากเราทานยาลดน้ำหนักไปนานๆอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
คอร์ส ลดน้ำหนักด้วยตัวเองแบบไม่โยโย่
- ช่วงเช้าออกกำลังกาย ด้วยการวิ่ง วันแรกของการเริ่มต้น อาจจะวิ่งซัก 1 รอบก่อน เพราะร่างกายยังไม่เคยชิน เมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้วเราก็สามารถวิ่งรอบสนามได้หลายรอบ ตามที่เราต้องการค่ะ การวิ่งจะทำให้ร่างกายของเราเฟิร์ม ทั้งหน้า พุง ต้นแขน ต้นขา ทุกส่วนเฟิร์มหมด
- การทานอาหารในแต่ละมื้อ ควรเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารที่ไม่ทอด ไม่มัน ไม่แป้ง งดอาหารรสจัด เค็ม หวาน มัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม ไอศกรีม ของหวาน เน้นการทานอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารชีวจิต อาหารที่ไม่ปรุงแต่งรส การควบคุมการทานอาหารนั้น เราควรควบคุมตัวเองไม่ให้ทานเกิน 1,200 แคลอรี่ต่อวัน
วันที่ 1
ตื่นนอน : สำหรับเช้าวันใหม่ของทุกๆวันเราควรปรับร่างกายของเราด้วยการดื่มน้ำเปล่าสะอาด 2 – 3 แก้ว เพื่อปรับสมดุลให้กับร่างกายเรา
มื้อเช้า : ไข่ต้ม 2 ฟอง อาจจะเลือกทานแต่ไข่ขาวก็ได้ + ข้าวกล้อง 1 ทัพพี + น้ำเต้าหู้ 1 แก้ว
มื้อกลางวัน : เกาเหลาผัก
มื้อเย็น : แอปเปิ้ล 1 ลูก หรือสลัดผักจานเล็ก 1 จาน สำหรับมื้อเย็นไม่ควรทานเกิน
วันที่ 2
ตื่นนอน : สำหรับเช้าวันใหม่ของทุกๆวันเราควรปรับร่างกายของเราด้วยการดื่มน้ำเปล่าสะอาด 2 – 3 แก้ว เพื่อปรับสมดุลให้กับร่างกายเรา
มื้อเช้า : น้ำผลไม้คั้น หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง
มื้อเย็น : สลัดผัก
วันที่ 3
ตื่นนอน : สำหรับเช้าวันใหม่ของทุกๆวันเราควรปรับร่างกายของเราด้วยการดื่มน้ำเปล่าสะอาด 2 – 3 แก้ว เพื่อปรับสมดุลให้กับร่างกายเรา
มื้อเช้า : กาแฟไม่ใส่น้ำตาล หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
มื้อกลางวัน : เกาเหลาลูกชั้น 1 ชาม(หมู, เนื้อ)
มื้อเย็น : สลัดผัก
วันที่ 4
ตื่นนอน : สำหรับเช้าวันใหม่ของทุกๆวันเราควรปรับร่างกายของเราด้วยการดื่มน้ำเปล่าสะอาด 2 – 3 แก้ว เพื่อปรับสมดุลให้กับร่างกายเรา
มื้อเช้า : น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟดำและขนมปัง 1 แผ่น
มื้อกลางวัน : สลัดผัก และไก่ยาง 1 ชิ้น
มื้อเย็น : โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที่ 5
ตื่นนอน : สำหรับเช้าวันใหม่ของทุกๆวันเราควรปรับร่างกายของเราด้วยการดื่มน้ำเปล่าสะอาด 2 – 3 แก้ว เพื่อปรับสมดุลให้กับร่างกายเรา
มื้อเช้า : น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1
มื้อกลางวัน : ส้มตำ และไก่ย่าง 1 ชิ้น
มื้อเย็น : สลัดผัก
วันที่ 6
ตื่นนอน : สำหรับเช้าวันใหม่ของทุกๆวันเราควรปรับร่างกายของเราด้วยการดื่มน้ำเปล่าสะอาด 2 – 3 แก้ว เพื่อปรับสมดุลให้กับร่างกายเรา
มื้อเช้า : น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
มื้อกลางวัน : ปลานึ่ง หรือ ปลาเผา ไม่จำกัด
มื้อเย็น : สลัดผัก
วันที่ 7
ตื่นนอน : สำหรับเช้าวันใหม่ของทุกๆวันเราควรปรับร่างกายของเราด้วยการดื่มน้ำเปล่าสะอาด 2 – 3 แก้ว เพื่อปรับสมดุลให้กับร่างกายเรา
มื้อเช้า : ข้าว 1 ทัพพี และเนื้อ 1 ชิ้น หรือไข่ต้ม 1ฟอง
มื้อกลางวัน : เกาเหลาลูกชั้น 1 ชาม (หมู, เนื้อ)
มื้อเย็น : สับปะรด 1 ชิ้น
สำหรับอาหารเมนูเบี้องต้นเป็นเพียงเมนูแนะนำ เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามใจชอบ แต่ขอให้ยึดหลักการทานอาหารตามที่เราแนะนำไว้ เพื่อที่จะไม่เพิ่มไขมัน ไม่เพิ่มพลังงานส่วนเกินที่จะทำให้เราอ้วนขึ้น การทานอาหารเพื่อสุขภาพเราควรทำเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ร่างกายปรับตัว จะนานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับว่าน้ำหนักเราเป็นที่น่าพอใจหรือยัง หากเป็นที่น่าพอใจแล้ว จะทานต่อก็เป็นเรื่องที่ดีกับตัวเรา หากจะทานบ้างไม่ทานบ้างก็ขอให้เราควบคุมพฤติกรรมการทานของเราด้วย มั่นออกกำลังกาย รักษาน้ำหนักให้คงที่รับรอง ความอ้วนจะไม่ถามหาคุณอีกแน่นอน
- ช่วงเย็นออกกำลังกาย เต้นแอโรบิค หรือว่ายน้ำ หรือเล่นแบดมินตัน ใช้เวลาออกกำลังกายประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง เพื่อเผาผลาญไขมันส่วนเกินที่สะสมมานาน
สิ่งสำคัญที่สุดในการลดน้ำหนักของเรานั้น คือใจของเรานั้นเอง อย่าท้อ อย่ายอมแพ้ ท่องไว้ อดทน อดทน และอดทน เมื่อเรามีวินัยในตัวเองจนเป็นเรื่องเคยชินแล้ว ร่างกายของเราก็จะกลับมาเผาผลาญได้ดีตามปกติ fat108.com ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนสู้ เพื่อพิชิตความอ้วนให้ได้นะค่ะ